ไม่อยากแก่ก่อนวัย รีบใช้ครีมกันแดดด่วน ๆ
สภาพแวดล้อมและอากาศบ้านเรานั้นค่อนข้างที่จะร้อนและความร้อนก็มีแนวโน้มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ดูได้จากสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น ดูเหมือนว่าจะภายใต้อุณหภูมิที่สูงขึ้น อากาศร้อนระอุ ทั้งแสงแดดหรือการสะสมของรังสีอัลตราไวโอเลต หรือที่เรียกได้ว่ารังสี UV นั้นสร้างปัญหาให้กับผิวของเรามากมายเลยทีเดียว หลายคนมักจะเข้าใจว่าแสงแดดมีประโยชน์ แต่การใช้ประโยชน์จากแสงแดดนั้น เราได้รับอย่างถูกวิธีมั้ย จะส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายและผิวพรรณของเราบ้าง แสงแดดที่แรงขึ้นทำให้ผิวเกิดอาการอักเสบ และรวมไปถึงอาการคัน บวมแดง อีกทั้งผิวที่คล้ำหมองแลดูไม่สดใส
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าภายในรังสีอัลตราไวโอเลตนั้น มักจะเป็นอาการที่ถูกทำร้ายสะสมในร่างกายตั้งแต่เด็ก ใช้ระยะเวลาจนถึงช่วงอายุอย่างเราๆ อาการเหล่านั้นมักจะปรากฏมากขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง หรือรวมไปถึง ผิวหมองคล้ำ เหี่ยวย่น ความชราก่อนวัยอันควร เป็นเหตุที่ทำให้เราต้องหันกลับมาดูแลสุขภาพผิวของเราอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจากรังสีอัลตราไวโอเลต
ซึ่งในเวลานี้นอกจากการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตด้วยวิธีต่างๆมากมายแล้ว ครีมกันแดดยังจัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยที่มีความสำคัญ เรามีข้อมูลดีๆ ทางการแพทย์ผิวหนังนำมาฝากสาวๆ funfab+ กับการเลือกครีมกันแดดอย่างถูกวิธีและเป็นสิ่งที่ควรใช้ในทุกวันแม้จะไม่ได้ออกแดดก็ตาม เพื่อให้มีประสิทธิภาพต่อการดูแลผิวคุณอย่างดีที่สุดอีกด้วย
ทำความรู้จักกับครีมกันแดดในแต่ละประเภท
คุณรู้หรือไม่ว่าครีมกันแดดที่คุณใช้อยู่ทุกวันนั้นไม่ใช่มีเพียงแค่ประเภทเดียวเท่านั้นแต่ในปัจจุบันนี้มีมากมายหลากหลายประเภท ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำประเภทต่างๆ ด้วยเช่นเดียวกันว่ามีหน้าที่ และมีคุณสมบัติแบบไหนให้แก่คุณได้บ้าง
1.Chemical Sunscreen
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งครีมกันแดดที่มีคุณภาพในการดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตไว้ในผิว ซึ่งหลังจากที่โดนแดดเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วนั้นจะเสื่อมสภาพลง และนี่คือเหตุผลที่ครีมกันแดดบางยี่ห้อมักจะระบุอย่างชัดเจนว่า ควรทาซ้ำๆ กันทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
2.Physical Sunscreen
เป็นอีกหนึ่งครีมกันแดดที่มีสารประกอบหลักของสารทึบแสง จึงทำให้แสงไม่สามารถส่องผ่านไปได้ในเนื้อผิวของคุณ จะถูกสะท้อนออกมา จึงเรียกได้ว่าสามารถป้องกันการซึมซับของแสงได้ แต่ข้อเสียก็คือครีมกันแดดชนิดนี้ ทำให้ผิวหนังของคุณที่ทาขาวจนเกินไป และบางครั้งก็ก่อให้เกิดคราบขาวจากเหงื่อ ออกมาได้อีกด้วย
3.Tanning Sunscreen
เป็นครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวของเราคล้ำขึ้น และมักจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในผู้ที่มีผิวขาวและต้องการที่ผิวสีน้ำตาลแทนอย่างปลอดภัย จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ถูกออกแบบมา และการันตีเป็นอย่างดีกับการใช้งานอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพได้มากที่สุด
สูตรเด็ดการเลือกใช้ครีมกันแดด
หากไม่อยากผิวเสียจากการทำร้ายของแสง UV ทำตามวิธีนี้ค่ะ
- ครีมกันแดดต้องป้องกันทั้ง UVA และ UVB ควรที่จะเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA และรังสี UVB
- เลี่ยงแดดจัด ทาครีมกันแดดแล้ว ยังควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10:00 น. จนถึง 15:00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่แดดแรงมากถึงมากที่สุด หลบได้หลบ เลี่ยงได้เลี่ยง
- เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับกิจกรรม โดยใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ในชีวิตประจำวันและ SPF 30+++ ในวันที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ควรเลือกครีมกันแดดชนิดกันน้ำ ครีมกันแดดชนิดนี้จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดระหว่างที่ว่ายน้ำหรือเหงื่อออกได้นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวันอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
- ควรเลือกครีมกันแดดชนิดที่ล้างออกง่าย ส่วนใหญ่จะเป็นกันแดดชนิดน้ำ เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ได้ทุกวัน ข้อดี คือ สามารถทำความสะอาดล้างออกได้ง่ายกว่าแบบครีม แต่มีข้อเสียในข้อดีคือ ควรมีการทาซ้ำเพื่อการป้องกันแดดที่มีประสิทธิภาพ
- เลือกครีมกันแดด “Non-Comedogenic” เลี่ยงปัญหารูขุมขนอุดตัน ครีมกันแดดที่ได้รับการรับรองว่า “ผ่านการทดสอบ Non-Comedogenic” นั้นหมายความว่า เป็นครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมที่จะทำให้รูขุมขนอุดตัน เมื่อรูขุมขนไม่อุดตัน และปราศจากสิ่งสกปรกในรูขุมขนแล้ว ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย โอกาสการเกิดสิวก็จะลดน้อยลงด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ใช้ครีมกันแดดประเภทนี้แล้ว รูขุมขนจะไม่เกิดการอุดตัน เพียงแค่ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอักเสบได้เยอะมาก
- ควรทดสอบการแพ้ครีมกันแดดก่อนใช้จริง แนะนำให้ทดสอบก่อนการออกแดดจริง เพราะอาการแพ้ที่รุงแรงในขณะออกแดด เป็นอาการที่ไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน
- ทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์กันแดด ควรอ่านและทำความเข้าใจข้อบ่งชี้ที่ฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดให้เข้าใจถึงวิธีการและกระบวนการ และใช้อย่างเหมาะสม เช่น หากเป็นครีมกันแดดสูตรน้ำ จะมีข้อดีคือ เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ ล้างทำความสะอาดออกได้ง่าย แต่อาจจะต้องทาซ้ำบ่อยกว่าแบบครีม หากต้องการการป้องกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีสารบางชนิด ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของออกซิเบนโซน (Oxybenzone) และออกติโนเซท (Octinoxate) สารเคมีดังกล่าวมีส่วนทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวจนไม่อาจขยายพันธุ์ได้ รวมถึงเป็นอันตรายต่อระบบการสืบพันธุ์ของสัตว์น้ำ ก่อให้เกิดโรคระบบสืบพันธุ์ในปลาตัวผู้และนำมาสู่เซลล์ตัวอ่อนของสัตว์น้ำที่ผิดรูป ปัจจุบันสารเคมีทั้งสองชนิดมักถูกพบเป็นส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์กันแดดประเภท Synthetic sunscreens หรือ Chemical sunscreens ที่มีมากถึง 3,500 ยี่ห้อทั่วโลก โดยหลักการทำงานของผลิตภัณฑ์กันแดดดังกล่าวคือ เมื่อรังสี UV กระทบมาที่ผิวมนุษย์ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จะทำหน้าที่ดูดซึมและกักเก็บรังสี UV ไม่ให้ผ่านเข้าไปทำร้ายผิวหนัง จากนั้นจึงคายออกมาในรูปแบบของความร้อน
วิธีทาครีมกันแดดอย่างถูกต้อง
- ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดหรือมาก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งประมาณ 20 – 30 นาที
- ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ ไม่น้อยหรือมากเกินไป เช่น การทาครีมกันแดดบนใบหน้า ปริมาณการทาครีมกันแดดใช้เท่ากับเหรียญ 10 บาทสำหรับใบหน้าและลำคอ และการทาครีมกันแดดที่ตัว ตั้งแต่บริเวณแผ่นหลัง แขน ขา ควรใช้ครีมกันแดดปริมาณ 1 แก้วชอต หรือประมาณ 30 ออนซ์ ควรทาครีมกันแดดที่ตัว หลังจากลงโลชั่นบำรุงผิวและไม่ควรทาโลชั่นอื่น ๆ ทับลงไป
- ควรทาครีมกันแดดที่กันน้ำโดยเฉพาะเมื่อเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ
- ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง
- ควรทาครีมกันแดดสำหรับเฉพาะที่ ไม่ควรนำครีมกันแดดทาผิวกายมาใช้กับผิวหน้า
- ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF ที่เหมาะสม
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนกับสูตรเด็ดการเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าวันไหนที่ไม่ได้ออกแดด ควรที่จะใช้อย่างสม่ำเสมอ และทาครีมกันแดดอย่างถูกต้อง และควรทาเป็นนิสัยและเป็นชีวิตประจำวันเลยก็จะดีต่อการดูแลสุขภาพร่างกาย และผิวของคุณอย่างชาญฉลาดที่สุดอีกด้วย